ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่องานบริการบริหารจัดการอาคารครบวงจรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะระบบ IoT ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานระหว่างอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในปีนี้เราจะได้เห็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในงานบริการบริหารอาคารมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการระบบรักษาความปลอดภัย งานบริการทำความสะอาด รวมถึงการบริหารจัดการอาคารและห้องน้ำอัจฉริยะ ซึ่งไอเอฟเอส ได้สรุป 3 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญที่จะมาพลิกโฉมบริการบริหารอาคารในปี 2025 นี้
1. Cloud-Based Technology
คลาวด์เทคโนโลยี พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT จึงบันทึกและเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ สามารถตรวจสอบหรือวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยปรับปรุงคุณภาพการบริหารจัดการอาคารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไอเอฟเอส มีการใช้ระบบคลาวด์ร่วมกับ IoT เซนเซอร์ สำหรับงานบริการบริหารจัดการห้องน้ำอัจฉริยะ หรือ Smart Washroom Management ด้วยการติดตั้ง Occupancy Sensor, People Counter Sensor และ Ammonia Sensor เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการห้องน้ำในจุดต่างๆ ช่วยให้สามารถวางแผนการทำความสะอาดและการบริหารสต็อคได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ของไอเอฟเอส ก็มีการจัดเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ เช่น ระบบจัดการการเข้าออก Access Control และระบบบริหารจัดการผู้มาติดต่อ หรือ Visitor Management System ที่มีการจัดเก็บข้อมูลบุคคล หรือ พาหนะ ที่มีการเข้าออกพื้นที่ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การตรวจสอบที่แม่นยำ เพิ่มความเชื่อมั่นให้งานรักษาความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น
2. AI Technology
ศักยภาพของเทคโนโลยี AI มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สามารถประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาด จึงได้มีการนำมาใช้ในแวดวงธุรกิจต่างๆ มากมาย รวมถึงธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคาร ที่ใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่มีเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน และลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพงานบริการให้ดียิ่งขึ้น
บริการหุ่นยนต์ทำความสะอาดของไอเอฟเอส เราใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะที่มีเทคโนโลยี AI ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ จึงเดินทำความสะอาดได้ตามเส้นทางที่กำหนด สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางและพื้นต่างระดับได้ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังมีการจัดเก็บข้อมูลการทำความสะอาด ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ เพื่อดูรายงานผลการทำงาน และนำมาวางแผนปรับปรุงการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ในส่วนของงานรักษาความปลอดภัยของไอเอฟเอส เทคโนโลยี AI ได้ถูกนำมาใช้งานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยทางไกลผ่านกล้องวงจรปิด ช่วยให้วิเคราะห์ภาพได้อย่างแม่นยำ สามารถแยกแยก คน สัตว์ และพาหนะ ทำให้ลดปริมาณการแจ้งเตือนผิดพลาด หรือ False Alarm ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยดูแลการเข้า-ออกอาคารสถานที่ ก็มีการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ภาพผ่านระบบจดจำใบหน้า และระบบอ่านป้ายทะเบียน เช่นเดียวกัน
3. Biometric Technology
เทคโนโลยีชีวภาพ คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุตัวตนด้วยการอ่านข้อมูลอัตลักษณ์ร่างกาย เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ใบหน้า ม่านตา จอตา หรือ น้ำเสียง เป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง แม่นยำ และยากต่อการปลอมแปลง
ปัจจุบัน ไอเอฟเอสมีการใช้เทคโนโลยี Biometric ผ่านระบบการอ่านใบหน้า หรือ Face Scan มาใช้กับบริการบริหารจัดการการเข้า-ออกอาคาร (Access Control) และบริการบริหารผู้มาติดต่อ (Visitor Management System) เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มข้อมูล Blacklist หรือบุคคลต้องห้ามในระบบ ให้ธุรกิจคุณมั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เทคโนโลยีที่กล่าวมา ได้เริ่มเข้ามาทรานส์ฟอร์มธุรกิจบริหารจัดการอาคารเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาคารสถานที่จำนวนมากจะยกระดับสู่การเป็นอาคารอัจฉริยะ ที่มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยบริหารจัดการอาคารแบบเต็มรูปแบบ
ไอเอฟเอส เราคือผู้ให้บริการบริหารอาคารครบวงจร ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในงานบริการและเทคโนโลยี รวมถึงเป็นองค์กรที่บริหารธุรกิจด้วยหลัก ESG: Environment, Social และ Governance เราดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติต่อพนักงานและทำธุรกิจกับคู่ค้าด้วยความเป็นธรรม รวมถึงการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ต่อต้านการทุจริต เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตแบบยั่งยืน
สนใจบริการ ไอเอฟเอส สอบถามได้ที่
Call Center: 0 2038 5188
Email: info@ifs-thailand.com